ผมได้พักอยู่ในอากิตะ 10 วันในเดือน กุมพา ที่ที่ผมพักอยู่ด้วยเขามีอาชีพเป็นเกษตรกรซึ่งผมก็ทานมื้อเย็นกับเขาทุกวัน ในตอนแรกๆผมรู้สึกกังวลเล็กน้อยที่ต้องปรับตัวเข้ากับเขา เพราะผมใช้ภาษาญี่ปุ่นได้เพียงไม่กี่คำ แต่ทว่าพวกเขาก็พยายามที่จะเขาใจในสิ่งที่ผมพูดและพยามพูดช้าลงเมื่อเขาคุยกับผม มันเป็นสิ่งที่ท้าท้ายที่ผมจะสามารถสื่อสารได้เหมือนเขา แต่ความกลัวของผมเริ่มหมดไปภายในไม่กี่วันและผมมั่นใจพอที่จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันที่จะสนุกไปกับมัน
มันช่างเป็นสิ่งที่ดีที่ผมจะได้ทำความรู้จักกับคนอื่นที่ยินดีต้อนรับและยิ้มแย่มไม่ใช่แค่กับฮรสของผมแต่ผมยังได้รู้จักกับคนที่นี้และเป็นความรู้สึกที่ดีในการอยู่ที่อากิตะ มี่สิ่งหนึ่งที่พวกเราชาวไต้หวันชอบก็คือสตอร์แบรี่ เราสามารถหากินที่ไต้หวันด้วยเช่นกัน แต่ในอากิตะมันทั้งใหญ่และหวานกว่ามาก
ชาวบ้านเขารู้ว่าพวกเราชอบสตอร์แบรี่จึงเอาสตอร์แบรี่มาฝากพวกเราในวันสุดท้ายที่เราจะกลับเรามีความสุขมาก แต่ผมก็ยังสงสัยว่าทำไมสตอร์แบรี่มันเกิดในที่ที่มีหิมะได้ไง แต่ผมก็รู้แล้วล่ะตอนไปที่สวนสตอร์แบรี่ มันสะอาดและก็ดีมากเลย
ผมประหลาดใจตรงที่ข้างในนั้นทำไมมันถึงอุ่น ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาหรือกล้องถ่ายภาพของพวกเรามันเกิดฝ่าจากเครื่องสตรีมข้างในสวนเมื่อตอนได้เขาไป มันมีสตอร์แบรี่หลายสายพันธ์เต็มไปหมดและเรายังสามารถที่จะเด็ดกินในนั้นได้เท่าที่เราจะกินไหว
แล้วยังมีผึ้งที่บินอยู่ข้างในสวนถ้าฝนตกอ่ะนะ จังหวัดอากิตะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะทุกที่เลยแต่ผมก็อยากที่จะกลับที่นี่อีกครั้งและเจอผู้คนเมื่อฝนมาและธรรมชาติสีเขียวสดใส(ไต้หวัน)