มาตะกิ คือ ชื่อของนักล่าโบราณในจังหวัดอากิตะ เรื่องราวของพวกเขามีมายาวนานกว่า 1000 ปี พวกเขาไม่ได้ล่าเพื่อความสนุก พวกเขาให้ความเคารพต่อพื้นป่าเขา พวกเขาจะสวดต่อศาลเจ้าที่ก่อนทำการเข้าป่าเขาทุกครั้ง และยังสวดขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้การเข้าป่าของพวกเขาปลอดภัยเมื่อตอนขากลับลงมา
ชาวมาตะกิไม่ได้ออกล่าแค่ช่วงฤดูอบอุ่นแต่พวกเขายังออกล่าแม้กระทั่งช่วงหน้าหนาวเพื่อมองหากสัตว์อย่างกระต่าย ในช่วงนั้นผมได้รับเกรียติให้ติดตามการออกล่าสัตว์กับชาวมาตะจิ ปกติแล้วบนนั้นจะไม่ค่อยมีผู้คนเมื่อชาวมาตะจิออกล่าสัตว์ ด้วยความที่มีหิมะตกลงมาหนักจนปกคลุมทั้งภูเขาจึงทำให้ไม่สามารถที่จะหาของป่าหรือทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไปแบบไม่หอบหิ้วอะไรไปมาก
มาตะจิจะสวม “คันจิคิ” เพื่อเดินไปบนภูเขาที่มีหิมะปกคลุม มันเป็นรองเท้าหิมะที่ทำขึ้นมาเองโดยทำจากฟางข้าวและใช้เชือกมัด พวกเขาจะสวมมันไว้กับรองเท้าเดินบนหิมะหรือร้องเท้าปีนเขา คันจิคิกว้างพอดีกับขนาดของรองเท้าซึ่งช่วยไม่ให้เท้าของพวกเขาติดหิมะหรือไม่ให้จม มันเป็นอุปกรณ์ธรรมดาๆ แต่คุณภาพมันน่าทึ่งมากในการเดินเยียบย้ำบนหิมะ
พวกเราเห็นรอยเท้าของสัตว์ในตอนที่พวกเรากำลังเดินอยู่ซึ่งไม่มีใครเคยเดินมาก่อน มาตะจิทำนายว่าที่กระต่ายอยู่ไหนให้ดูที่รอยเท้าของมันเหมือนกับว่า “นี่แหละคือกระต่าย” พวกเราหยุดเดินอยู่ครู่หนึ่งและตามรอยเท้าของมันไป
พวกเขาให้ผมดูร่องรอยของเจ้าหมีโดยการชีไปตรงที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ใบไม้มันล่วงล่นเป็นบ้างจุดซึ่งพวกเขาบอกว่านั้นคือการร่องรอยการปีนต้นไม้ของหมีเพื่อเก็บใบไม้ไปทำเป็นที่นอนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ก็ยังมีใบไม้เยอะมากมากในช่วงนั้นแล้วผมก็ไม่คิดว่าจะหาเจ้าหมีเจอในความสูงขนาดนั้นน่ะ
ผมพยามก้าวบนหิมะในตอนแรกเริ่ม หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นสิ่งสนุกเท่าที่เคยเดินมาเลยน่ะ ไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติเลยในภูเขานั้น ความเงียบสงัดของธรรมชาติทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ผมเข้าใจถึงสิ่งเล็ก ๆ สิ่งหนึ่งที่เหมือนจะไกลออกไปจากชีวิตแต่ละวันและการเอนจอยไปกับธรรมชาติอันสดชื่น